วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

หนังสือกับชีวิต

ได้อ่านเรื่อง หนังสือกับชีวิต ของ angeduriz แล้วก็คันไ่ม้คันมืออยากจะเขียนบ้าง (จิตหลงไปคิด)
เพราะนึกย้อนกลับไปเราก็เป็นหนอนหนังสือคนนึงเหมือนกัน เพียงแต่แนวที่อ่านนั้นหลากหลายเสียจน
ผสมปนเปกันไปหมด จนกลายเป็นเป็ดไปเสียอย่างนั้น เดินได้ ก็ไม่สวย บินได้ ก็ไม่สูง ว่ายได้ ก็ไม่นาน

จำได้แม่บอกว่าตอนเด็ก ๆ ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมาก เริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่ยังอ่านไม่ได้พูดไม่ชัด
เลยต้องเป็นการ์ตูน คงเป็นเพราะมีภาพให้ดู แล้วเดาเนื้อเรื่องไปได้ สมัยนั้นเป็นเห็นอะไรมีภาพต้อง
หยิบจับมาเปิดอ่าน

พออ่านหนังสืออก เลยเหมือนได้ระบายความเก็บกด อะไรที่อ่านไม่ออกก็อ่านได้แล้วจึง
อ่านไม่ยั้งเลยทีเดียว จำช่วงชีวิตในช่วงประถมไม่ค่อยได้ จำได้แต่เรื่องพิเรณที่ทำกันกับเพื่อน
ไม่เว้นว่าง แต่มีอย่างนึงที่จำได้คือ จะต้องมีหนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ยัดไว้ใต้โต๊ะทุกวัน ไว้อ่านในคาบเรียน
และเศรษฐศาสตร์ในวัยเยาว์ของเราคือ เราจะนึกทุกครั้งก่อนใช้เงินว่า ถ้าซื้อของสิ่งนี้
จะเช่าการ์ตูนได้กี่เล่ม ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้เงินกับเรื่องอื่น นอกจากเช่าการ์ตูน ช่วงไหนการ์ตูนออกใหม่เยอะ
ก็ไม่ค่อยมีเงิน ออกน้อยก็เงินเก็บเยอะ (เป็นผลให้ไม่เคยได้เลือกซื้อเสื้อผ้าเองเลยจนโต
เพราะพอได้เงินมาซื้อก็คิดว่า ถ้าเรายอมใส่ชุดเก่า เราก็เช่าการ์ตูนอ่านได้อีกหลายเล่มเลยทีเดียว T-T)
สมัยประถมนี่จำได้ว่าจะมีหนังสือพวก ที่สุดในโลก หรืออะไรประมาณนี้มาหลอกขายบ่อย ๆ
แล้วเราก็ซื้อมาอ่านเสียทุกครั้ง แล้วอีกอย่างที่มหาสารคาม ในห้องสมุดชุมชน จะมีมุมเด็กที่มีหนังสือการ์ตูน
คนมาบริจาคมาไว้ให้อ่านด้วย ช่วงไหนไม่มีเงินก็จะไปขลุกอยู่ห้องสุมด เพราะนอกจากจะมีหนังสือ
ให้อ่านเยอะ แล้วก็ยังเย็นอีกด้วย

พอเข้าชั้นมัธยม การ์ตูนที่ชอบอ่าน เริ่มออกไม่ทันใจ การ์ตูนเก่า ๆ ที่น่าอ่านก็อ่านไปจนหมดแล้ว เลยเริ่มละทิ้งตัวตน อ่านมันเสียทุกอย่าง แทบจะเรียกได้ว่า ไล่อ่านการ์ตูนมันทุกเล่มที่มีอยู่ในร้านเลยทีเดียว จะสนุกไม่สนุก การ์ตูนผู้ชาย การ์ตูนผู้หญิง ก็อ่านไปหมด จนเริ่มจะไม่มีอะไรให้อ่าน ทั้งการ์ตูนออกช้า หรือบางทีไม่มีเงินเช่า
จึงเริ่มบ่ายหน้าไปห้องสมุด ก็ไม่รู้จะอ่านอะไรก็อ่านไล่หมวดไปเรื่อย ๆ จำได้ว่าหนังสือหลักที่อ่านเลยคือสาราณุกรม มีกี่สำนักพิมพ์ กี่แบบ ก็อ่านจนหมด ถ้าใครจำได้ สมัยนั้นจะมีอยู่ชุดหนึ่งเป็นแบบสี่สี เล่มใหญ่มาก ๆ และมีแบบเล่มเล็กด้วย
แยกแต่ละเล่มเป็นหมวด เรื่องโลก ดวงดาว อื่น ๆ มากมาย ชุดนั้นชอบที่สุด ถึงขนาดใช้กองทุนยืมการ์ตูน
ของเราไปซื้อมาครบทุกเล่มเลยทีเดียว นิสัยเดิม ๆ สมัยประถมก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนหนังสือเรียนจะใส่กระเป๋า
การ์ตูนไว้ใต้โต๊ะ แต่ขึ้นมัธยมมา หนังสือเรียนใส่ใต้โต๊ะหนังสืออื่นใส่กระเป๋า เพราะต้องอัพเดททุกวัน
ห้องสมุดตอนเรียน ม.ต้น ก็เล็กแสนเล็ก อ่านไปปีสองปี ก็แทบจะบอกได้แล้วว่า เล่มไหนอยู่แถวไหน อย่างน้อยต้องเคยผ่านตาเปิดอ่านคำนำแล้วเกือบทุกเล่ม

ขึ้น ม.ปลายเรื่องอ่านการ์ตูนนี่หนักมาก จะขนการ์ตูนไปมากพอที่จะอ่านได้ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนจนเลิกเรียน
แถมมีเป็นเด็กสาธิต เข้าใช้ห้องสมุดมหาลัยได้อีก ห้องสมุดก็ใหญ่โตมาก ๆ แทบจะอ่านได้ทั้งวันเลยทีเดียว
แต่ช่วงนี้เล่นคอมด้วย ทำให้กลายเป็นพวกชอบคิด แถมอ่านมามากรู้มามาก เลยยิ่งมีเรื่องให้คิดเยอะเข้าไปอีก
กลายเป็นพวก โรคชอบคิดติดหนังสือ ไปเลย เห็นเศษกระดาษหรืออะไรใกล้มือ ก็หยิบมาอ่านไปเสียหมด

พอเป็นยังงั้น ช่วงมหาลัยเลยกลายเป็น จากการอ่านหนังสือเพื่อความสนุก กลายมาเป็นการ เสพความคิด เสพอักษร แทน
ที่ใช้คำว่าเสพ เพราะรู้สึกว่าต้องการคิด ต้องการอ่านตลอดเวลา ถ้าไม่อ่านก็ต้องมีเรื่องให้คิด จะว่างเป็นไม่ได้ต้องอ่านเสมอ
ไปไหนมาไหนก็ต้องถือหนังสือการ์ตูนหรือหนังสืออะไรซักอย่างติดมือไปด้วยตลอด
หนักเข้าก็ไม่เว้นแม้แต่ตอนอาบน้ำ เคยมีบางครั้งถึงเอาหนังสือไปอ่านเวลาอาบน้ำ เพราะรู้สึกว่า นอกจากเวลาถูสบู่ นอกนั้นก็
แค่รอให้น้ำชำระร่างกาย รู้สึกเสียดายเวลาตรงนั้นเลยเอาหนังสือไปอ่านด้วย -*-

กว่าจะมารู้ตัวแล้วเริ่มแก้นิสัย ก็เอาตอนจะเรียนจบ เพราะรู้สึกว่าสายตาเริ่มเสีย เพราะเวลาอ่าน ก็อ่านไปเสียทุกที่ บนรถก็อ่าน ระหว่างเดินทางก็อ่าน ที่แสงไม่พอก็อ่าน กินข้าวก็อ่าน แล้วหนักสุดก็อ่านสิ่งต่าง ๆ ผ่านจอคอม ต้องเพ่งจอนานๆ
ทำให้ตาเสียมาก ๆ แต่กำทำไงได้ ทำงานอยู่กับคอมนี่นา ก็เลยต้องอ่านนู่นอ่านนี่หน้าคอมตลอด


ถ้าตาบอดขึ้นมาคงจะหมดอาลัยในชีวิตไปเลยทีเดียว

อักษรจงเจริญ 555

ไม่มีความคิดเห็น: