วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผู้เรียกตัวเองว่า “ปัญญาชน”

ผมมักจะสังเกตเห็นคนบางคน
เวลาทำอะไรที่ผิดพลาด
กลับปฏิเสธความรับผิดชอบสถานเดียว
แล้วยังสรรหาสารพัดเหตุผลคำแก้ตัว
กระทั่งห่อหุ้มด้วยเปลือกแห่งคุณธรรมความดี
จนในที่สุดมักลายเป็คนที่มีเหตุมีผล
ส่วนคุณกลับกลายเป็นคนที่เลว
ที่ไร้เหตุผล คนแบบนี้ผมรู้จักไม่น้อย
และผมก็อออกจะชื่นชมพวกมันอยู่
เพราะคนแบบนั้น

ฉลาดกว่าคุณและผม
---------------------------------------
จากกรุของเก่าขุดมาเล่าใหม่ 20060412

วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554

นักไต่ลวดคนแรก

อ่านหนังสือไปสะดุดกับเรื่องเล่า ของนักไต่ลวดคนแรกครับ ไปเจอเข้าในหนังสือ "วิชาสุดท้ายที่มหาลัยไม่ได้สอน เล่ม 1" หนังสือเล่มนี้ดีมากครับ เอาไว้จะเขียนเล่าให้ฟังวันหลัง ตอนนี้ขอข้ามสาระสำคัญของหนังสือไปก่อน มาว่ากันเรื่องนักไต่ลวดก่อนครับ

"บลอนดินผู้ยิ่งใหญ่" นักไต่เส้นลวดผู้ประกาศต่อโลกว่าจะเดินข้ามน้ำตกไนแองการาบนเส้นลวด ผู้ชมกว่า 5 พันคนรวมทั้งเจ้าชายเวลส์จากอังกฤษก็มาเฝ้าชม เมื่อบลอนดิน เดินได้ครึ่งทางเขาก็หยุดกึก ตีลังกากลับหัวกลางอากาศ เท้าเหยียบเส้นลวดอย่างมั่นคงอีกครั้ง แล้วก็ถึงอีกฝั่งโดยปลอดภัย 

ในปีเดียวกัน บลอนดินข้ามน้ำตกนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งหนึ่งเขาข้ามโดยมีผ้าปิดตา ครั้งหนึ่งเขายกตำอบข้ามไปด้วย ครั้งหนึ่งข้ามในสภาพถูกล่ามโซ่ และครั้งหนึ่งเขาก็ข้ามด้วยการขี่จักรยาน ก่อนที่บลอนดินจะข้ามน้ำตกบนเส้นลวดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเที่ยวนี้เขาจะผลักรถเข็นล้อเดียวข้ามไปด้วย เขาก็หันมาหาผู้ชม และตะโกนว่า 
"ใครบ้าง เชื่อว่าผมจะผลักรถเข็นคันนี้ข้ามไปได้" ทุกคนยกมือ บลอนดินชี้ไปที่ชายคนหนึ่ง
"คุณเชื่อว่าผมจะทำได้ไหมครับ?" เขาถาม
"เชื่อ ผมเชื่อว่าคุณทำได้" ชายคนนั้นตอบ
"คุณมั่นใจหรือเปล่า?" บลอนดินถาม
"มั่นใจ" ชายคนนั้นตอบ
"มั่นใจจริง ๆ ?" 
"ครับ ผมมั่นใจจริง ๆ"
"ขอบคุณครับ" บลอนดินตอบ "ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญให้คุณเข้ามานั่งในรถเข็นหน่อยครับ"

เรื่องของ บลอนดินจบลงแค่นี้ครับ จริง ๆ ในหนังสือเล่มนี้ มีคำพูดเด็ด ๆ และคำสอนดี ๆ อัดไว้เพียบครับ อย่างเรื่องบลอนดินนี่ เค้าก็เขียนได้ดีจริง ๆ ทั้งวิธีเล่าเรื่องและส่วนขยาย ... แต่ผมจะข้ามมันไปครับ ใครอยากรู้คงต้องหาซื้อมาอ่านดู

ตอนผมอ่านเรื่องบลอนดินมันโดนใจจริง ๆ ในชีวิตเรามีอยู่หลายสถานการณ์เหลือเกินที่ ความรู้ หรือความเชื่อ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าเราเอาชนะอารมณ์ไม่ได้ สมัยจบใหม่ ๆ ผมพยายามจะลองทำหลายเรื่อง แต่ว่าส่วนมากก็จะวางตัวไว้ใน safety zone (สมัยนั้นก็ไม่ได้คิดยังงี้หรอกครับ พอมามองย้อนหลังไปมันถึงจะรู้) ผมโดนชี้หน้าถามครั้งแล้วครั้งเล่าว่า นั่งรถเข็นไปด้วยกันรึเปล่า แต่ส่วนมากผมจะวางตัวเองไว้ในจุดที่ปลอดภัย นั่นทำให้ผมไม่เคยได้เป็นอย่างบลอนดิน

ถ้าเราต้องการที่จะเกินมาตรฐาน บ่อยครั้งที่เราจำเป็นต้องเสี่ยง
การเลือกที่จะเสี่ยงอย่างเดียวก็เป็นการกระทำของคนบ้าครับ 

เมื่อก่อนผมเข้าใจว่า
เรื่องยากจริง ๆ ก็คือ การรู้ว่าเมื่อไหร่ และอะไรที่ควรเสี่ยง
แต่เรื่องที่ยากกว่าเรื่องยากจริง ๆ คือ รู้ว่าตัวเองรู้อะไร ไม่รู้อะไร และรู้ว่าสิ่งที่รู้มันจริงแค่ไหน

แต่พอทำงานมาก ๆ เข้า
ผมว่าการเสี่ยง คือการรู้ว่าจะยอมสูญเสียได้แค่ไหน ในแผนการที่เตรียมมาอย่างดี การรอให้อะไรสมบูรณ์แบบ มันมักจะทำให้สายเกินไป หรือไม่ก็ยากเกินไป อีกอย่างนึงคือ เราไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมากมายเหมือนสมัยก่อน เรารู้แค่เรื่องบางเรื่อง และรุ้ว่าเรามีทักษะเรื่องนี้ดีแค่ไหน จากนั้นก็ประยุกต์ใช้ทักษะนี้กับทุกเรื่อง หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงที่จะทำเรื่องที่เราไม่ได้ใช้ทักษะนี้ (หรือไม่ก็หัดทักษะเพิ่ม) 


ไม่ได้จะบอกว่าสิ่งที่คิดสมัยก่อนผิด หรือสมัยนี้ถูกนะครับ
สิ่งที่ผมได้จริงๆ คือ ตอนที่อ่านเนี่ย มันมีความคิดประมาณว่า 
อย่างงี้สิวะถูก อย่างงั้นผิด ต้องเลือกยังงี้ ทำไมเลือกยังงั้น

โลกนี้ไม่มีความสำเร็จกึ่งสำเร็จรูป ไม่มีวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น
ชีวิตไม่ใช่มาม่า ... คิดว่ารู้มานานแล้วแต่พึ่งจะเข้าใจนี่แหละครับ

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อะไรจะเกิดขึ้น?

ตอนกำลังเคลียข้อมูลเก่าเก็บ เอามาเปิด ๆ ดู เจอ file และข้อความประหลาด ๆ เก็บเอาไว้อยู่เต็มไปหมด ถึงจำไม่ได้แล้วว่าเขียนข้อความด้านล่างนี้ไว้ทำไม หรือตอนนั้นคิดอะไรอยู่ แต่อ่าน ๆ ดูแล้วน่าสนใจก็เอามาแปะไว้ละกัน

2549/6/14=======================================================================

ในอนาคต 60% ของเนื้อหาต่าง ๆ ที่เรารับจะไม่ได้มาจากมืออาชีพ แต่จะมาจากมือสมัครเล่นในกลุ่มผู้บริโภค สินค้าหรือบริการสมัยใหม่จะต้องต่อสู้เพื่อชุมชน คนที่สร้างชุมชนที่สร้างสรรค์ที่สุดจะชนะ และนี่เป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดของผู้สร้าง จากสินค้า มาเป็น ประสบการณ์...

ถ้าโทรศัพท์มือถือสามารถเปิดเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย สามารถเปิดดูโปรแกรมแผนที่ได้ ธุรกิจอะไรจะเกิดขึ้น?

ถ้าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต Wi-fi ตามสถานที่ต่างๆ หันมาใช้ระบบเดียวกัน ผู้ใช้สามารถซื้อ access pass ครั้งเดียวแล้วใช้อินเทอร์เน็ตที่ไหนก็ได้ ธุรกิจอะไรจะเกิดขึ้น?

ถ้าเครื่อง E-book Reader ที่มีน้ำหนักเบา ม้วนได้ ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ธุรกิจอะไรจะเกิดขึ้น?

ถ้าความเร็วของอินเทอร์เน็ตก้าวกระโดดขึ้นไปอีกขั้น สามารถโหลดรายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์เรื่องยาวมาดูได้แบบภาพคมชัด เสียงกระหึ่มเหมือนดูในโรง ธุรกิจอะไรจะเกิดขึ้น?

ใครที่ก้าวตามเทคโนโลยี และคอยปรับตัวตามอยู่เสมอ ย่อมคว้าโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ได้ก่อนคนอื่น และได้รับสิทธิ์ที่จะเป็นมหาเศรษฐีในยุคไฮเทคได้ก่อนคนอื่นด้วย

แต่ใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจอยู่แล้ว ถ้าหากนิ่งเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ไม่ปรับตัวตามโลกที่พัฒนามากขึ้น ก็อาจจะได้รับความเสียหายและอาจจะล้มหายตายจากไปในที่สุดได้

=================================================================

สิ่งที่สะเทือนใจที่สุดคือ เมื่อนานมาแล้วดูเหมือนเราจะคิดเรื่องดี ๆ ได้ตั้งหลายเรื่อง ... แต่มัวแต่ไปทำอย่างอื่น จนลืมไอเดียดี ๆ ไปซะหมด

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กระเป๋าเดินทาง

เดี๋ยวจะได้ไปต่างประเทศ ผมเลยไปยืมกระเป๋าเดินทางเพื่อนมา

ด้วยความซน ผมเลยทำกรเป๋าล๊อก และก็ไม่รู้รหัสเปิด

ทีแรกก็ตกใจ นึกว่าจะต้องสุ่มตัวเลขพันตัว เพื่อหารหัสซะอีก

Search google ด้วย keyword ง่าย ๆ ตรง ๆ มีวิธีเปิดกระเป๋านับไม่ถ้วน

ทั้งแบบ lock ด้วยรหัส lock สองชั้น lock ด้วยแม่กุญแจซ้ำอีกชั้น ก็ยังเปิดได้อยู่ดี

ผมลองแล้วใช้แค่การสังเกตและเวลาไม่ถึงนาที เราก็ได้รหัสเปิดกระเป๋านั่นได้แล้ว

นี่ขนาดมือใหม่ ยังใช้เวลาแค่นี้ มือเก๋าคงใช้เวลาน้อยกว่านี้อีกมาก

เพราะผมไปลองที่ห้างมาแล้ว กระเป๋าเดินทางส่วนมาก ใช้วิธีเปิดคล้าย ๆ กันนี้เปิดได้หมด

บางรุ่นยากหน่อย แต่ก็เปิดได้อยู่ดี

ใครที่เดินทางก็ระวังเรื่องกระเป๋าด้วยนะครับ ถ้าจะให้ดี ก็เอาพลาสติกหุ้มทั้งอันเลย

อย่างน้อยโจรจะได้หมดกำลังใจเปิด เพราะมันเปิดง่ายจริง ๆ

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฟ้าสั่งมา


เมื่อวันก่อน:
A : วันก่อนครับ
B : ยังไงครับA : พี่ที่บริษัท ชวนไปลานเบียร์
B : กำลังหนาวเลย เข้าช่วงเทศกาลกันพอดี ดื่มเบียร์กับคอนเสิร์ต
A : แต่ผมถือศีลครับ ไม่ดื่มเหล้ามานานแล้ว ผมหันไปมองหน้าพี่เค้าเลย
B : ปฏิเสธ!!!
A : ไปครับ!!!
B : ...

วันต่อมา:
A : วันก่อนครับ
B : ยังไงครับ
A : กำลังจะไปขึ้นรถไฟฟ้า เรื่องลานเบียร์เมื่อวานยังคิดไม่ตก ว่าจะกินรึไม่กินดี
B : ต่อสู้กับด้านมืดสินะครับ
A : กำลังคิดอยู่ดี ๆ มีรถตุ๊ก ๆ ผูกธงสีชมพูวิ่งมาครับ แล้วก็มีคนวิ่งลงจากรถมาหา ยัดโบรชัวใส่มือ
แล้วมันก็บอกว่า "อย่าดื่มเหล้านะครับ ๆ ๆ" แล้วก็ขี่ผ่านไป
B : จริงดิ!!!
A : ขนลุกซู่เลยครับ