วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

VERY EXPERT

PEOPLE USED TO LOOK OUT ON T HE
PLAYGROUND AND SAY THAT THE
BOYS WERE PLAYING SOCCER AND
THE GIRLS WERE DOING NOTHING.
BUT THE GIRLS WEREN'T DOING
NOTHING ------ THEY WERE TALKING.
THEY WERE TALKING ABOUT THE
WORLD TO ONE ANOTHER. AND THEY
BECAME VERY EXPERT ABOUT THAT
IN A WAY THE BOYS DID NOT.

CAROL GILLIGAN,
In a Different Voice: Psychological
Theory and Women's Development

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เรื่องจริงของชีวิตคู่

คนเรานึกว่าชีวิตคู่จะมีความสุขนะ พออยู่จริงๆ มันก็งั้น ๆ แหละ
บางคนอาจจะคิดว่ามันสุขมากก็มี แต่จริง ๆ ในทุกสุขมันต้องเจือทุกข์ด้วยเสมอนะ
เวลาสุขมาก พอมันไม่สุข มันก็ต้องทุกข์นะ แต่ถึงไม่ทุกข์ สุขต่อ ๆ กันไปมันก็จะกลายเป็นเฉย ๆ
ทำให้ในความเป็นจริงไม่มีสุขไหนถาวร
บางคราวเราคิดว่าการได้อยู่กับคน ๆ นี้ จะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เลย
แต่พอเอาเข้าจริง อยู่ไปสักพัก มันก็งั้น ๆ ก็ไม่ได้อะไรมากมาย ตอนสุขก็มี แต่ส่วนมากก็เฉย ๆ
แค่เรื่องแบบนี้เราไม่ได้ใส่ใจจริงจังเฉย ๆ เราจะจำได้ก็แต่ตอนสุขมาก ๆ ตอนทุกข์มาก ๆ จนลืมตอนเฉย ๆ ไป

แต่ละคนมักจะหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ หลอกลวงตัวเองไปเรื่อย ๆ

อย่างผู้หญิง มีแฟน จะสังเกตุ ระแวงระวัง เห็นว่าผู้ชายมีนิสัยที่ไม่ดีอยู่หลายข้อ
แต่ผู้หญิงก็มะมีความโง่อยู่อย่างนึง จะหวังว่าพอคบกันไปแล้ว จะเปลี่ยนแปลงเค้าได้
แต่พอคบกันไปแล้วจะรู้ว่า ... ไม่ได้หรอก ... มันจะเปลี่ยนหน่อยก็ตอนแรก ๆ แหละ
ผู้หญิงอยากให้ผู้ชายเปลี่ยนแปลง และมักทำไม่สำเร็จ

ผู้ชายก็เหมือนกัน ก่อนคบ จะมองเห็นว่าผู้หญิงเค้าดีทุกอย่างเลย
เพราะผู้ชายมันตาบอดมากกว่าผู้หญิง
ผู้ชายจะหวังว่าผู้หญิงจะไม่ เปลี่ยนแปลง
แล้วมันก็โง่อีกเหมือนกัน ... เพราะจะพบว่าผู้หญิงเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากเลย

เพราะเราไปคาดหวังอะไรที่มันไม่ใช่ของจริง คาดหวังสุขถาวร สบายถาวร ในความเป็นอนัตตา



จาก : คำหลวงพ่อปราโมทย์ในความทรงจำที่ผสมปนเปกับความคิด

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ความรักบังตา

ไม่มาก ไม่น้อย กว่านั้น

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ความรักบังตา

ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เป็นศิลปินแห่งชาติซักวันเนอะ

พอดีได้มีโอกาสไปงานเปิด ตลาดนัดศิลปะ หน้าหอศิลป์ กทม.
ตอนไปถึงทีแรกก็เห็น เค้าซ้อมการแสดงกัน เกิดสนใจเลยไปด้อม ๆ มอง ๆ รอเวลาเปิดงาน
ยืนอยู่สักพัก ก็เกิดเวทนาทางกาย เมื่อยมาก ๆ เพราะพึ่งเดินมาจาก central world
ก็เลยไปนั่งที่เก้าอี้ ที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ เราเห็นโต๊ะวีไอพีที่แถวนหน้าสุด เลยทึกทักเองว่า
เก้าอี้ด้านหลังนี่คงเป็นของผู้เข้าชมงาน แต่จะนั่งแถวหน้าสุดเลยก็ไม่กล้า
เลยนั่งที่แถวที่สองละกัน จะได้ถ่ายวีดีโอได้ด้วย

ซื้อรูปพระพักต์พระพุทธเจ้ามารูปนึง ก็นั่งดูรอเวลาเปิดงานอยู่
ช่วงใกล้จะเปิดงานก็มีลุง ๆ ป้า ๆ มานั่งด้วย เต็มไปหมด แต่ที่น่าแปลกคือ
ดูลุงป้าพวกนี้ นอกจากจะหน้าคุ้น ๆ แล้ว แต่ละคนก็ดูเหมือนจะรู้จักกันดี
ผ่านไปสักพัก ก็มีน้ำผลไม้ มีขนมมาให้กิน ผู้จัดงานแวะเวียนมาพูดคุยด้วย
เราก็นึกในใจ

"แย่ละ พวกนี้คงจะเป็นคนสำคัญ จะออกไปไงละนี่ โดนขนาบซ้ายขวาเลย"

แต่บังเอิญวันนั้นแต่งตัว art ๆ หน่อย ผมก็ตัดสกินเฮด คนเลยเข้าใจผิดไปว่า เราคงเป็นหนึ่งในคน
พวกนี้ แต่เค้าจำกันไม่ได้เองว่า เราเป็นศิลปินคนไหน สาขาไหน 5555
เพราะขนาดลุงป้้า ด้านข้าง ก็ยังคุยกับเรา คุยกันเรื่องงานศิลปะ คุยกันเรื่องงานที่จัด ฯลฯ
ก็ได้ความรู้จากสูจิบัตรงาน กับการที่มี staff มาพูดคุยด้วย เลยพอถูไถ ผ่านไปได้
พอประธานมาเปิดงานถึงได้รู้ว่า ที่นั่งอยู่รอบ ๆ เรานั่น เป็น "ศิลปินแห่งชาติทั้งนั้นเลย"


เหอะ ๆ ๆ


ตอนที่นั่งอยู่นั่นรู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปเมธีขึ้นมาทันตาเห็น ดื่มด่ำกับงานศิลป์ที่มาแสดง
ร่วมกับศิลปินแห่งชาติที่พึ่งรู้จักกัน (เค้าคุยด้วยคงเพราะคิดว่าเราก็เป็นศิลปิน แค่เค้าจำไม่ได้มั๊ง
ก็เล่นนั่งอยู่ในดงแขกคนสำคัญ กินน้ำกินขนม กับพวกแขกผู้มีเกียรติ แถมยังทำหน้าไม่สะทกสะท้าน 555)
งานนี้ก็จัดออกมาค่อนข้างดีเลย การแสดงของเด็ก ๆ แต่ละคนเก่งมาก ๆ ชอบที่สุดก็การแสดง ชุดอึกทึก
เป็นการแสดงกลอง งานศิลปะรอบ ๆ ค่อนข้างจะแพงไปหน่อย แต่ก็สวยดี


ใครได้ดูข่าวหรือมีรูปงานวันเปิดงานนี้ ส่งให้ link ให้หน่อยก็ดีนะครับ
อยากรู้ว่าจะเห็นหน้าตัวเองมั๊ย เห็นกล้องหันมาถ่ายกันแทบจะทุกตัว
ถ่ายแขกคนอื่นนะ ไม่ได้ถ่ายผม แต่คงจะติดมามั่งละน่า


วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิสัยชายโฉด - 2

ตกลงกันก่อน
อย่างแรกเลยคือข้อความต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผู้เขียนนึกเอาเอง จากประสบการณ์ จากการอ่าน
จาความรู้ผิว ๆ จากการรวบรวม จากการเป็นผู้ชายและมีเพื่อนผู้ชายและหญิงอยู่หลายคน
ทำให้ข้อเขียนนี้ เป็นแค่ข้อคิดอย่างนึง อาจจะไม่ถูกทั้งหมด แต่ก็ไม่ผิดเสียทีเดียว
อีกอย่าง ผู้เขียนนั้นคนใสซื่อ อ่อนต่อโลก และเป็นคนดี ที่เอามาเขียนคือสิ่งที่เคยรู้มา
หรือรวบรวมมา จากชายโฉดคนอื่นมากกว่า เพราะงั้นถ้าจะถามคงตอบไม่ตรงใจ
สุดท้าย อยากให้บทความชุดนี้เป็นประโยชน์ กับผู้หญิงนำไปรับมือ และผู้ชายนำไปใช้ ... ในทางที่ดี
- "ขงจื๊อกล่าวไว้ ผู้ใดกล่าวว่าเข้าใจสตรี ผู้นั้นไม่เข้าใจสิ่งใดเลย 555"

การเข้าทลายเกราะ
ชายโฉดจะรู้ว่าผู้หญิงต้องการการยอมรับในตัวตนของเธอ เมื่อเรายอมรับฟัง ความเป็นตัวตนของเธอได้ เธอก็จะเริ่มสนใจเราขึ้นมาทันที เพราะผู้หญิงโดยปกติิ เป็นคนที่ชอบพูด แล้วเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ก็จะอยากพูดเหมือนกันหมด ทำให้เค้าต้องการคนฟังในระดับนึง คนที่จะยอมรับและตั้งใจฟังจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ต้องการแบบคุยกับตุ๊กตานะ ต้องโต้ตอบได้ในแบบที่ she อยากได้ ซึ่งมันก็ต่าง ๆ กันไปแต่ละคนอีก บางคนชอบให้บอกว่า she ถูก บางคนชอบให้ขัด บางคนชอบเอาชนะ แต่ไม่อยากเอาชนะง่าย ๆ บางคนชอบหาเรื่องเถียง รึบางคนชอบหลาย ๆ แบบปน ๆ กัน เพราะงั้นสิ่งสำคัญคือการดูให้ออกว่าเธอชอบแบบไหน เมื่อไหร่ หรือถ้าดูไม่ออก ก็ลองดูหลาย ๆ แบบไปเลยก็ได้ แล้วจะรู้ว่า เค้าชอบแบบไหน ... ถ้าดูไม่ออกว่าเค้าชอบไม่ชอบรึเปล่านะ ก็ดูว่าเวลาพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ถ้าเค้าชอบ เค้าจะพูดเยอะขึ้น ตาเป็นประกาย ถ้าไม่ชอบ ก็จะพูดน้อยลง เริ่มนอกเรื่อง เวลาพูดตาจะมองไปทั่ว ๆ ออ ลืมบอก เวลาshe ตั้งใจพูด จะชอบมองหน้า เวลายังงี้ ถ้าจ้องตากลับเวลาฟัง ก็จะได้ดู feed back ของshe ที่มีต่อเราด้วย

กรณีศึกษา
- ถ้าเป็นคนไม่รู้จักเลย เช่นshe กำลังร้องเพลงอยู่ แล้วเธอตั้งใจร้องหรืออารมณ์ดี แล้วเราก็แทรกไปว่า เพราะจัง ถ้าshe หันมา แล้วยิ้ม หรือเขิล แปลว่า เราทะลุเกราะไปได้ละ คุยต่อก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่ย้ำว่า ตั้งใจหรือ อารมณ์ดี เพราะเป็นเวลาที่sheอยากจะร้อง ถ้าแค่ฮัมเพลง แล้วเราใช้มุขนี้ ส่วนมากจะโดนหาว่า "เสือกเรื่องอะไรเนี่ย" นะ

- ถ้าเป็นเพื่อนของเพื่อน ไม่ได้รู้จักกันแต่ได้อยู่ในวงสนทนาเดียวกัน ก็จับประเด็นเรื่องที่เธอพูด และดูความสนใจและปฏิกิริยา ของเพื่อน ๆ เธอต่อเรื่องที่เธอพูด อย่าง นั่งกันสี่ห้าคน พอshe พูดเรื่องแฟน ขึ้นมา ว่าเค้ายังงั้นยังงี้ แล้วเพื่อน ๆ she เอือม หรือมีประโยคแบบตัดไ่ม่อยากให้เธอพูดอีก อย่าง กูบอกมึงแล้ว เค้าก็ยังงี้แหละ ฟังจนเบื่อแล้ว หรือเปลี่ยนเรื่องไปเลย ก็ให้ยกประเด็นนั้น ๆ ไปคุยกับเค้าต่อ she ก็จะอยากเล่าให้คุณฟังต่อ และจะกลายเป็นดึงกาารสนทนาให้ เหลือกันแค่สองคนได้ และเมื่อเรารับฟัง she ก็จะเปิดใจกับเรามากขึ้น

เรื่องนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้อีกหลาย ๆ อย่าง
ถ้าคุณสนใจshe she ก็จะสนใจคุณ การได้เป็นจุดสนใจ เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เด่น ๆ ของเพศนี้นะ เพราะงั้น เราจึงต้องรู้จักสังเกตเรื่องรอบ ๆ ตัวshe อย่างมีไหวพริบ สีหรือ รูปแบบของเครื่องประดับ เสื้อผ้า การแต่งตัว เครื่องแต่งหน้า ทรงผม ข้าวของเครื่องใช้ ประเด็นเหล่านี้ จะทำให้มีเรื่องคุยได้เยอะแยะทั้ง ๆ ที่เป็นการพูดคุยครั้งแรก แล้วถ้าเป็นไปด้วยดี ก็จะเริ่มแตกประเด็นใหม่ ๆ ออกมาอีกเยอะแยะ เพราะงั้นสิ่งสำคัญของชายโฉด คือการมีความรอบรู้ในหลายเรื่อง และจะรู้อย่างเชี่ยวชาญใน ๑ เรื่องซึ่งจะกลายเป็นจุดเด่น ชายโฉดจึงจำเป็นที่จะต้องบริโภคหนังสือในปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอ

ที่สำคัญที่สุดคือความประทับใจครั้งแรก ... ซึ่้งจะมีผลต่อทัศนคติsheต่อตัวคุณไปอีกนาน

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ถามผู้รู้

(15:17 PM) [ G.U. ] - {sad: จะถามว่า พอมันเห็นจิตแล้วมันก็คิดต่อ จนตอนนี้เหมือนกลายเป็นคิดตลอดเวลา
(15:17 PM) [ G.U. ] - {sad: เสียงพากษ์เต็มหัว
(15:18 PM) [ G.U. ] - {sad: ทำไงมันถึงจะหายอะ
(15:18 PM) [ G.U. ] - {sad: ทำสมถะเหรอ
(15:18 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: อยากหายเปล่า
(15:18 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ถ้าอยากให้รู้ว่าอยากก่อนะ ตัวที่ทำให้ไม่หาย คือ มันมีโทสะแทรกน่ะ คือเกลียดเสียงพากษ์
(15:19 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: เสียงพากษ์มันห้ามไม่ได้นะ
(15:19 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: จิตมันแสดงธรรมะให้ดูว่า เธอบังคับฉันไม่ได้
(15:19 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ฉันจะพากษ์เธอก็ห้ามฉันไม่ได้
(15:19 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ฉันจะหยุดพากษ์เธอก็สั่งไม่ได้
(15:19 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ให้มองในมุมนี้ จะได้ไม่ไปรำคาญมัน
(15:20 PM) [ G.U. ] - {sad: ตอนนี้ก็เห็นว่ามันเป็นเสียงพากษ์เฉย ๆ นั่นแหละ แค่สงสัยว่าอันนี้ทำไมพอเห็นแล้วมันไม่ดับไปเหมือนอันอื่น
(15:20 PM) [ G.U. ] - {sad: ปกติเห็นแล้วมันก็จะดับ จิตมันจะเอาเรื่องอื่นมาคิดต่อ
(15:20 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: อื้อ คือ มันบังคับไม่ได้นะ ถ้าถามวาทำไมไม่ดับ มีหลายสาเหตุ
(15:20 PM) [ G.U. ] - {sad: อออ
(15:20 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: 1. พอเห็นว่ามันพากษ์ แทนที่เราจะรู้เฉยๆ เราถลำไปจ้อง
(15:20 PM) [ G.U. ] - {sad: ก็ช่างมันใช่ไหม
(15:21 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: คือหลุดไปจากความรู้ตัวแล้วน่ะ ส่งจิตเข้าข้างในไปจ้องมัน ว่าเมื่อไหร่จะดับ
(15:21 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: มันก้อเลยไม่ดับ
(15:21 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: เพราะเราไม่ได้รู้เฉยๆจริง แต่เราไปจ้องมัน หรือไปเกลียดมันเข้า
(15:21 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: วิธีแบบวิปัสสนาก็คือ ตามดูไป
(15:21 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ถ้ามันฟุ้งซ่าน ให้รู้ว่าฟุ้งซ่าน ดูภาพรวม อย่าไปไล่ตามทีละตัว มันจะเหนื่อย
(15:22 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: เช่น คิดสิบเรื่อง ถ้าเราไล่ตามสิบเรื่องเลย สักพักมันจะเหนื่อย ถ้ามันฟุ้งซ่านหนัก ให้รู้ไปเลยว่ามันฟุ้งซ่านละ
(15:22 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: แล้วก็จะเห็นความจริง ว่าความฟุ้งซ่าน มีระดับอ่อน แก่ แตกต่างกัน เราบังคับไม่ได้
(15:22 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: แต่ถ้าทำสมถะได้ ก็หาเวลาทำสมถะบ้างก็ดี
(15:22 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: มันจะทำให้จิตมีกำลัง
(15:22 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: เวลาเห็นสภาวะ แล้วจิตมันตั้งมั่น มันจะตัดสภาวะลงไปเลย
(15:23 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: อย่างนี้คือ พอมันเห็น แล้วมันไหลตามไป มันเห็นว่าพากษ์ แล้วมันก็ไหลไปตามเสียงพากษ์ มันไม่ได้ตั้งมั่น
(15:23 PM) [ G.U. ] - {sad: นั่นแหละ ที่อยากรู้ คือเราไม่ได้ทำสมถะแบบไหนมาก่อน
(15:24 PM) [ G.U. ] - {sad: เริ่มฟัง พร้อมกับ เริ่มดูลมหายใจ
(15:24 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: คือ ถ้าดูไปเรื่อยๆ ถึงจุดนึง ถ้าไม่มีสมถะมาช่วยเลย จิตมันจะไม่มีกำลังน่ะ
(15:24 PM) [ G.U. ] - {sad: เห็นท่านบอก ไม่ต้องไปติดสมถะ
(15:24 PM) [ G.U. ] - {sad: ก็เลยไม่รู้ว่าตกลงควรจะทำหรือไม่ทำดี
(15:24 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: คือ อย่างนี้ คนหัดใหม่ๆ ยังไม่ควรจะไปทำสมถะ เพราะว่า
(15:24 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ยังรู้สึกตัวไม่เป้น
(15:24 PM) [ G.U. ] - {sad: เพราะถ้าทำ ตอนทำก็เหมือนมันข่มไว้ นิ่งจนไม่เห็นอะไรเลย
(15:24 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ถ้าไปทำสมถะ แทนที่จะทำไปด้วยความรู้สึกตัว
(15:25 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: กลับกลายเป็นไปเพ่งหมดเลย
(15:25 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: เพราะไม่เคยรู้จักสภาวะของความรู้สึกตัว ไม่รู้จะใช้จิตแบบไหน ไปทำสมถะ พอไปทำเข้า ก็เอาจิตแนบไปกับลม กับมือ กับเท้า กลายเป็นเพ่ง
(15:25 PM) [ G.U. ] - {sad: นั่นแหละ ๆ
(15:25 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ถ้าทำสมถะไม่ได้ ก็ทำอะไรที่มีความสุขน่ะ เช่น ตักบาตร ปล่อยปลา สวดมนต์ ไหว้พระ
(15:25 PM) [ G.U. ] - {sad: แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ทำ จิตก็ไม่มีกำลัง อะไรมาก็ไหลตามไปหมด
(15:26 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: จิตมันจะมีกำลังขึ้นมา เพราะมันมีความสุข
(15:26 PM) [ G.U. ] - {sad: มันรู้ว่าฟุ้งซ่าน แต่ก็ฟุ้งซ่านเรื่องที่รู้ต่อไปอีก
(15:26 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: เหตุใกล้ที่ทำให้เกิดสมาธิ คือ ความสุข
(15:26 PM) [ G.U. ] - {sad: อ่าว ทำงั้นจะไม่กลายเป็นติดสุขไปอีกเหรอ ถ้ามันเห็นว่าเป็นสุขก็ละไม่ได้ซะทีสิ
(15:26 PM) [ G.U. ] - {sad: รึว่าทำไปก่อน
(15:26 PM) [ G.U. ] - {sad: แล้วมันจะเลิกสุขไปเอง
(15:27 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: การที่จะดูว่าติดสุขหรือเปล่าน่ะ
(15:27 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: คือ ถ้าเกิดมีความสุข แล้วชอบความสุข ( ราคะ ) ให้รู้ทันว่าไปชอบความสุข
(15:27 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: แบบนี้จะไม่ติด
(15:27 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: แต่ถ้าเกิดมีความสุข แล้วเกิดความชอบขึ้น แล้วรู้ไม่ทัน อันนั้นเรียกว่าติดสุข
(15:28 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: คือ การจะละเนี่ย ไม่ใช่หนีความสุขนะ
(15:28 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: การจะละได้เนี่ย เราต้องเห็นว่า สุข กับทุกข์ มีค่าเสมอกัน
(15:28 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: คือ เกิดขึ้น แล้วก็ดับ ลงไปเหมือนกัน
(15:28 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: บังคับไม่ได้เหมือนๆกัน
(15:28 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: จิตถึงจะเป็นกลาง
(15:28 PM) [ G.U. ] - {sad: ออ
(15:30 PM) [ G.U. ] - {sad: ขอบคุณ
(15:31 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ฮ่าๆ ไม่เป็นไร งงตรงไหนถามได้นะ
(15:31 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: พิมพ์ยาวไปหน่อย ไม่ค่อยกระชับ
(16:01 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: ฟัง CD หลวงพ่อบ่อยป่ะ
(16:07 PM) (#) ץ٥ط : ดูกายเห็นจิต ดูความคิดเห็นธรรม has changed his/her personal message to "ภาวนาแทบเป็นแทบตาย เพื่อจะรู้ว่า "ทำไม่ได้" http://hidhamma.diaryclub.com"
(17:27 PM) [ G.U. ] - {sad: ก็เปิดตลอดเวลาแหละ
(17:27 PM) [ G.U. ] - {sad: เพราะทำงานที่หอ
(17:27 PM) [ G.U. ] - {sad: เลยเปิดฟังไปเรื่อย ๆ
(17:27 PM) [ G.U. ] - {sad: ตอนคิดก็ได้ยินแต่ไม่ได้ฟัง
(17:27 PM) [ G.U. ] - {sad: นอกนั้นก็ฟังตลอด
(17:32 PM) ץ٥ط : ดูกายเห: อือ ดีละ

รอบนี้เล่นง่าย เพราะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยพัฒนา เท่าไหร่ ช่วงนี้ไปเนิบ ๆ ชอบกล

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ตาลอบกับยายทอง

พึ่งจะมีโอกาสได้อ่านเรื่องของตาลอบกัยยายทอง
link มากมายเรื่อง ตาลอบ จาก google , แบบมีรูปประกอบ
โดยย่อ ก็คือ เค้ารักกันมาจะ 50 ปี แล้วยายทองอัมพาต ขยับไม่ได้ ตาลอบเลยคอยดูแล
อย่างดีมานับสิบปี พูดคุย เอาใจใส่ และ อยู่เป็นเพื่อน

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของคนสองคนธรรมดา แต่มาสะกิดใจอยู่ตรงที่ความเห็นของผู้คน ที่อ่านเรื่องนี้ต่างหาก
ด้านบนเราได้ใส่ link จาก google ไว้หรือลอง search ด้วยคำว่า ตาลอบ แล้วลองไปอ่านความเห็นตามที่
ต่าง ๆ ที่ได้แสดงความคิดเห็นกันไว้ อ่านแล้วก็แอบแปลกใจ ว่านี่ใครก็พูด ว่าอยากได้ผู้ชายดี ๆ
อย่างนี้บ้าง อยากที่จะมีรักแท้อย่างนี้บ้าง

สักคน

แล้วอีกคำที่เห็นบ่อย ๆ คือ คำว่า "สมัยนี้คงหายาก" ... ทำไมมันถึงหายาก
จากประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในการศึกษาเพศชาย และได้ลองเป็นเพศชายดู
กับความรู้อีกหลาย 10 ปี เรื่องของผู้หยญิง (อันนี้ยังไม่ลองเป็นเพราะใจไม่รัก)

ที่คนแบบนี้มันหายาก เพราะผู้ชายแบบนี้
  • เราไม่ได้รักมัน คือเราอยากได้คนแบบนี้ แต่ต้องเป็นคนที่เรารักมันด้วย แค่มันรักเรา ไม่พอ
  • มีความรักแบบเรียบ ๆ แต่เราอยากให้มันมีความรักที่หวือหวา ซึ่งความหวือหวา มันไม่ถาวร แต่การที่มีความรักแบบเรียบ ๆ คนก็ไม่ค่อยเข้าใจ เห็นว่าน่าเบื่อ เห็นว่าเค้าทำให้เรา มีความสุขได้ไม่มากพอ
  • มักไม่อยู่ในผับ และถึงเจอ เค้าก็ไม่ค่อยขอเบอร์ก่อน
  • เค้าไม่ได้รักเรา แล้วเราก็เปลี่ยนใจเค้าไม่ได้ เพราะถ้าเปลี่ยนได้ คงไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้
  • คิดว่าการอยู่ด้วยกัน มีแค่รักมันอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ต้องมีความผูกพัน กับความเข้าใจเป็นหลัก แต่คนส่วนมากมักคิดว่า การที่คนสองคนคบกัน มันต้องรักกันตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้วรักเป็นโคตรของ อนิจจัง เลย
ถ้าดูยังงี้ การหาผู้ชายดี ๆ แบบนี้ก็ออกจะง่าย แค่เปลี่ยนมุมมองของเราเองนิดหน่อย เราก็เจอกับผู้ชายดี ๆ เกลื่อนไปหมด หันไปทางไหนก็เจอ มันอยู่ที่ว่า เรามองยังไงดีกว่า เพราะเราคิดเอาเองว่า ที่คนอ่านเรื่องนี้
แล้วคิดว่าผุ้ชายคนนี้ดี อยากได้ผู้ชายยังงี้บ้าง อยากมีรักอย่างนี้บ้าง มันไม่ได้ดูเป็นคำพูดที่ดีเลย
เพราะมันไม่ได้เหมือนกับการมองหาคนที่เราจะวางใจได้ แต่เป็น การหาคนที่มาคอยตามใจ
เอาใจเราเสียมากกว่า ...

อาจจะเป็นเพราะตอนนี้มีอคติกับการมองเรื่องความรักของคนอื่น เลยเห็นเป็นแบบนี้ จริง ๆ
ความรักมันอาจจะสวยงามกว่านี้ก็ได้ ....

มั๊ง

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551

โลกเป็นไข้ อีกรอบ

ธรรมชาติเอ๋ย จงอยู่ เพื่อมนุษย์
    มนุษย์เอย ธรรมชาติ มี สมดุล

กว่าจะได้มาเขียนขยายความของแคนโต้นี้ต่อ
นอกจากจุดประงสงค์ที่ได้เขียนไปแล้ว มันยังมีอีกเรื่องที่เรายัดไว้ใน แคนโต้นี้
นั่นก็คือการที่อยากให้เปลี่ยนมุม มองของเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม
เพราะตอนนี้ เวลาพูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม เราพูดถึงเรื่องการช่วยกันรักษา
รณรงค์ และดูแล แต่ก็เหมือนไม่ได้พูดเรื่องของตัวเอง พูดเรื่องไกลตัว
แต่เมื่อเรามองดูประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มันเป็นเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ใหม่
ระหว่างสองระบบอันซับซ้อนและสำคัญทีุ่สุดบนโลก

"สังคมมนุษย์" กับ "ธรรมชาติ"

และเรื่องที่มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่อย่างมีสมดุลในระบบนี้ได้หรือไม่
ถ้าเราไม่อาจจะรักษาสมดุลของเรากับธรรมชาติ มันก็จะหมดไป

ในท้ายที่สุดที่ทุกคนพูดถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม
มันก็จะเป็นการ "ใช้คำพูดที่ผิด"
เพราะว่า "สิ่งแวดล้อม" ยังคงอยู่รอด
"เรา" ต่างหากที่เป็นฝ่ายที่ไม่อาจจะอยู่รอด
หรือเราอาจจะอยู่รอด ในโลกใบที่เราไม่อยากจะอยู่

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เข้าใจ

Understand Alone Version - Synkornize
เนื้อเพลง : เข้าใจ

บอกกับตัวเองทุกครั้ง
ว่าเราจะไม่พลั้งหลงทาง
ให้ความต่าง เป็นข้ออ้าง
แบ่งแยกทางระหว่างสองเรา

บอกกับตัวเองทุกวัน
จะมีกันและกันไม่เปลี่ยน
แม้เวลา ...จะหมุนเวียน
นั่นคือสิ่งที่เราได้เรียนรู้กัน

ปล่อยใจให้ล่องลอย
เปิดออกไปยอมรับความต่าง
เว้นที่ว่าง...แต่ไม่ห่าง
จนความต่าง...แยกเราจากกัน

ปล่อยใจให้ล่องลอย
เปิดออกไปยอมรับ สิ่งที่เป็น
เปิดรับกับสิ่งที่เห็น
ว่าเราเป็นแค่คนสองคน

ความรัก ก็เป็นแบบนี้
มีทุกข์บ้างที่สุข แม้เศร้าก็ดีกว่าอยู่เหงา ๆ
เพราะว่าเรามีคนร่วมเศร้า
ถึงสองคน

ให้ความรักเป็นตัวเราถึงจะเหงาไปหน่อย
ก็คงจะไม่บ่อยจนมากไป
แค่พอให้ใจสองใจ
ได้คิดถึงกัน บ้างก็ดี

ให้ความรักนำทาง ให้เรากลับมาเหมือนเดิม
กลับมาเติมความเข้าใจ
ให้เดินเคียงข้างกันอีกครั้ง

ความรัก ก็เป็นแบบนี้ มีทุกข์บ้างที่สุข
แม้เศร้าก็ดีกว่าอยู่เหงา ๆ
เพราะว่าเรามีคนร่วมเศร้าถึงสองคน
ให้ความรักเป็นตัวเรา
ถึงจะเหงาไปหน่อย
ก็คงจะไม่บ่อยจนมากไป
แค่พอให้ใจสองใจ

ได้คิดถึงกัน(ได้คิดถึงกัน)

... บ้างก็ดีี
ชอบเพลงนี้มาก ๆ เสียงนุ่ม ๆ ฟังสบาย ความหมายก็ดี ยิ่งฟังในเวลายังงี้ด้วย ... (ฟังแล้วจิตเกิดเลย 555)