วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

งานจิบกาแฟคนทำเว็บ

วันเสาร์ที่ผ่านมาไปงานจิบกาแฟคนทำเว็บ

เริ่มประเด็น เกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคของ สบท

มีความรู้ประหลาด ๆ อย่างที่พึ่งได้รู้ ว่าเราร้องเรียนอะไรได้บ้าง

มีหลายเรื่องที่เราก็เห็นด้วยกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างเรา

แต่หลายเรื่องก็คิดว่า มันอันธพาลไม่ต่างกับ พวกพ่อค้าหรอก

อย่างมีข้อนึงที่บอกว่า บัตรเติมเงิน เมื่อเราซื้อแล้ว ถ้าเรายังไม่โทร

เราก็ควรที่จะใช้บริิการได้เรื่อย  ๆ ทำไมถึงมีหมดวันด้วย แล้วหมดวันถ้าเงินเหลือเป็นยังไง

และดูเหมือนจะมีกรณี ที่ไปร้องเรียน จนทางบริษัทต้องคืนเงินที่เหลืออยู่ในนั้นให้

ถ้ามองแบบง่าย ๆ ก็คงคิดว่าดีจัง แต่ถ้ามองจริง ๆ มันไม่เหลือทางเลือกให้ผู้ให้บริการมากนัก

เป็นผมก็ต้องพยายามหากำไรด้วยวิธีอื่น เช่น ถ้าคนร้องเรียนกันมาก ๆ ก็อาจจะต้อง

คิดค่าบริการของวันด้วย ว่านอกจากจะซื้อ ค่าโทรแล้ว ต้องซื้อวันด้วย เพื่อเอาค่าบริการรับสาย

หรือไม่ก็ต้องคิดค่าบริการทั้งคนโทร ทั้งคนรับ หรือเพิ่มค่าบริการให้สูงขึ้น 

มีชาวต่างชาติคนนึง นำเสนอว่า ที่อินเดีย ใช้กลไกการตลาดในการตัดปัญหานี้

เมื่อหลายปีก่อน เค้าซื้อ 100 บาท ใช้ได้แค่ 70 บาท เพราะต้องเสียค่าอื่น ๆ สารพัด

เค้าไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการโวยวาย แต่ใช้กลไกการตลาดในการช่วยเหลือ คือเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน

กันมาขึ้น ถึงขนาดที่ว่า ไม่ต้องถึงระดับประเทศ แต่แค่ระดับรัฐ (คงหมายถึงจังหวัด) 1 รัฐ ยังอาจมีสัมปทาน

ได้ถึง 4-5 สัมปทานเลย ทำให้ตอนนี้ เค้าซื้อ 100 บาท แต่เค้าใช้ได้ถึง 120 บาท

ว่าไปแล้ว ก็นึกย้อน ๆ ไปถึงนโยบายเก่า ๆ ของรัฐบาล ที่เคยมีนโยบายประมาณนี้เหมือนกัน

แต่ก็มีกลุ่มคนช่วยกันคัดค้าน ด้วยเรื่องว่า ต่างชาติยึดครอง หรือผลประโยชน์อะไรซักอย่างจำไม่ได้

นโยบายประมาณนี้ก็เลยตกไป โดยลืมนึกถึงการแบ่งกันกินของบริษัทใหญ่ในประเทศที่ควบคุมตลาด

และควบคุมทางเลือกของเราเสียหมด จนโดนเอาเปรียบแต่ก็อ้าปากเรียกร้องอะไรไม่ได้

ดูเหมือน monopoly ในไทยมันรุนแรงจริง ๆ เรารับสื่อกันแค่บางด้าน แล้วตัดสินกันบ่อย ๆ 

ทำให้เกมการเมืองเบื้องหลัง ดูเข้มข้น และมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม  



session หลัง ก็เป็นหัวข้อเดิมๆ ที่มักทำกันประจำ คือแชร์ไอเดียกันและปลุกระดม

ให้เราเปลี่ยนจากประเทศผู้บริโภค กลายเป็นประเทศผู้ผลิตแทน

รวมถึงการ update สภาวะการของกลุ่มตลาดของเรา การเข้ามาของต่างชาติ

และที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องของการเข้าตีตลาดโลก พัฒนาสู่ความเป็นสากล



ผมว่าการรวมกลุ่มพูดคุย กันยังงี้ ได้ประโยชน์ที่หลากหลาย ทั้งได้ไอเดียจากคนที่เก่ง ๆ 

ทั้งปลุกระดมความห้าวหาญในการทำงานในสาขาของตัวเอง

ความคิดใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ การร่วมมือใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

วงการอื่นก็น่าจะมีการผลักดันให้เกิดการรวมตัว และเป็นผลักดันกันให้มากขึ้นคงดี

ไม่มีความคิดเห็น: