วันเสาร์ที่ผ่านมาไปงานจิบกาแฟคนทำเว็บ
เริ่มประเด็น เกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคของ สบท
มีความรู้ประหลาด ๆ อย่างที่พึ่งได้รู้ ว่าเราร้องเรียนอะไรได้บ้าง
มีหลายเรื่องที่เราก็เห็นด้วยกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างเรา
แต่หลายเรื่องก็คิดว่า มันอันธพาลไม่ต่างกับ พวกพ่อค้าหรอก
อย่างมีข้อนึงที่บอกว่า บัตรเติมเงิน เมื่อเราซื้อแล้ว ถ้าเรายังไม่โทร
เราก็ควรที่จะใช้บริิการได้เรื่อย ๆ ทำไมถึงมีหมดวันด้วย แล้วหมดวันถ้าเงินเหลือเป็นยังไง
และดูเหมือนจะมีกรณี ที่ไปร้องเรียน จนทางบริษัทต้องคืนเงินที่เหลืออยู่ในนั้นให้
ถ้ามองแบบง่าย ๆ ก็คงคิดว่าดีจัง แต่ถ้ามองจริง ๆ มันไม่เหลือทางเลือกให้ผู้ให้บริการมากนัก
เป็นผมก็ต้องพยายามหากำไรด้วยวิธีอื่น เช่น ถ้าคนร้องเรียนกันมาก ๆ ก็อาจจะต้อง
คิดค่าบริการของวันด้วย ว่านอกจากจะซื้อ ค่าโทรแล้ว ต้องซื้อวันด้วย เพื่อเอาค่าบริการรับสาย
หรือไม่ก็ต้องคิดค่าบริการทั้งคนโทร ทั้งคนรับ หรือเพิ่มค่าบริการให้สูงขึ้น
มีชาวต่างชาติคนนึง นำเสนอว่า ที่อินเดีย ใช้กลไกการตลาดในการตัดปัญหานี้
เมื่อหลายปีก่อน เค้าซื้อ 100 บาท ใช้ได้แค่ 70 บาท เพราะต้องเสียค่าอื่น ๆ สารพัด
เค้าไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการโวยวาย แต่ใช้กลไกการตลาดในการช่วยเหลือ คือเปิดโอกาสให้มีการแข่งขัน
กันมาขึ้น ถึงขนาดที่ว่า ไม่ต้องถึงระดับประเทศ แต่แค่ระดับรัฐ (คงหมายถึงจังหวัด) 1 รัฐ ยังอาจมีสัมปทาน
ได้ถึง 4-5 สัมปทานเลย ทำให้ตอนนี้ เค้าซื้อ 100 บาท แต่เค้าใช้ได้ถึง 120 บาท
ว่าไปแล้ว ก็นึกย้อน ๆ ไปถึงนโยบายเก่า ๆ ของรัฐบาล ที่เคยมีนโยบายประมาณนี้เหมือนกัน
แต่ก็มีกลุ่มคนช่วยกันคัดค้าน ด้วยเรื่องว่า ต่างชาติยึดครอง หรือผลประโยชน์อะไรซักอย่างจำไม่ได้
นโยบายประมาณนี้ก็เลยตกไป โดยลืมนึกถึงการแบ่งกันกินของบริษัทใหญ่ในประเทศที่ควบคุมตลาด
และควบคุมทางเลือกของเราเสียหมด จนโดนเอาเปรียบแต่ก็อ้าปากเรียกร้องอะไรไม่ได้
ดูเหมือน monopoly ในไทยมันรุนแรงจริง ๆ เรารับสื่อกันแค่บางด้าน แล้วตัดสินกันบ่อย ๆ
ทำให้เกมการเมืองเบื้องหลัง ดูเข้มข้น และมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม
session หลัง ก็เป็นหัวข้อเดิมๆ ที่มักทำกันประจำ คือแชร์ไอเดียกันและปลุกระดม
ให้เราเปลี่ยนจากประเทศผู้บริโภค กลายเป็นประเทศผู้ผลิตแทน
รวมถึงการ update สภาวะการของกลุ่มตลาดของเรา การเข้ามาของต่างชาติ
และที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องของการเข้าตีตลาดโลก พัฒนาสู่ความเป็นสากล
ผมว่าการรวมกลุ่มพูดคุย กันยังงี้ ได้ประโยชน์ที่หลากหลาย ทั้งได้ไอเดียจากคนที่เก่ง ๆ
ทั้งปลุกระดมความห้าวหาญในการทำงานในสาขาของตัวเอง
ความคิดใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ การร่วมมือใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
วงการอื่นก็น่าจะมีการผลักดันให้เกิดการรวมตัว และเป็นผลักดันกันให้มากขึ้นคงดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น