วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551

ICT = I Can Terrorize

ไปอ่านเจอนี่มาจากประชาไทย (ที่นี่)

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงไอซีที ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการกับเว็บไซต์ที่เข้าข่ายมีความผิดร้ายแรงว่า การแก้ไขปัญหาในเชิงกฎหมายสามารถดำเนินการได้เฉพาะกรณีในประเทศ แต่กรณีต่างประเทศ กระทรวงไอซีทีกำลังเตรียมการโครงการแฮค แอนด์ แครก คือถ้าพบเว็บไซต์ที่มีความผิดร้ายแรง โดยเฉพาะการหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งประเทศ อาจใช้วิธีการแฮคและลบข้อมูลในเว็บไซต์แห่งนั้น เพราะหากรอกระบวนการทางกฎหมาย อาจไม่ทันต่อเหตุการณ์
“การกระทำลักษณะนี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอยู่บ้าง แต่บางครั้งก็ต้องยอมแลก ถ้าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ" แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ประกาศขายสินค้าต่างๆ เช่น ปฏิทิน ตุ๊กตา กระเป๋า หมวก เสื้อ แก้วน้ำ นาฬิกา กางเกง และ กางเกงใน โดยสินค้าทุกประเภทจะมีรูปพระพุทธรูปปางสมาธินั่งอยู่บนดอกบัว และที่บริเวณใบหน้าขององค์พระจะมีรูปสุนัขพิมพ์ติดอยู่แทน โดยเว็บไซต์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ถึงขั้นมีการตั้งกระทู้ขึ้นมาตอบโต้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่าได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปราม และไอซีที ค็อป แล้ว ได้ข้อสรุปว่าจะมอบหมายให้ นายศราวุธ เพชรพนมพร เลขานุการ รมว.ไอซีที เป็นผู้รับผิดชอบประสานงานเก็บรวบรวมหลักฐานตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากนั้นจะยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอหมายในการปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว และดำเนินคดีกับผู้กระทำ ซึ่งหากเกิดขึ้นในประเทศก็มีโทษปรับและจำคุก
อย่างไรก็ตาม หากการกระทำเกิดขึ้นในต่างประเทศ ยอมรับว่าการแก้ไขจะทำได้ยาก ที่ผ่านมาจึงใช้วิธีขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในต่างประเทศ หรือผู้ดูแลเว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแก้ไขหรือลบข้อมูล โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการหมิ่นเบื้องสูง
“กระทรวงมีไอซีทีค็อป 30 คน การจะให้ความดูแลอย่างทั่วถึงถือเป็นเรื่องยาก ต้องอาศัยนักท่องเน็ตหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ช่วยกันเฝ้าระวัง หากพบสิ่งผิดปกติก็รีบแก้ไข หรือแจ้งมายังกระทรวงเพื่อดำเนินการต่อไป” นายมั่น ระบุ
ด้าน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รักษาการผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่าเมื่อทราบเรื่องก็รู้สึกไม่สบายใจ และเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจชาวพุทธทั่วทั้งประเทศ
เว็บไซต์ดังกล่าวนี้ ทางศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ทางศูนย์ฯ จึงได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงไอซีทีเพื่อให้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าวแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าวยังเปิดให้บริการอยู่ นอกจากนั้นยังทำหนังสือไปยังกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อดำเนินการทางการทูตอีกทางหนึ่งด้วย
"หากภายใน 1 เดือน ยังไม่มีการแก้ไขปัญหา ผมจะเข้าไปขอความร่วมมือจาก พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าของฉายาตำรวจอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าว" นายบุญเชิด กล่าว และว่าที่ผ่านมาพบว่ามีเว็บไซต์หลายแห่ง นำสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในธุรกิจ ซึ่งทางศูนย์เทคโนโลยี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการปิดเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าวไปแล้วจำนวน 5 แห่ง

........................................
เรียบเรียงจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ

อ่านแล้วปลง ICT บ้านเรา ... ประเสริฐ

สงสัยในวิจารณญาณและมาตรฐานการทำงานของราชการบ้านเรามานานแล้ว

สงสัยจะใช้กรรมการชุดเดียวกันกับตอนพิจารณาเรื่องแบนหัวนมชิสุกะ
(คนอยู่ต่างประเทศอาจจะไม่รู้ แต่ประเทศไทย ทำเซนเซอตรงหัวนมของชิสุกะฉากอาบน้ำในเรื่อง โดราเอมอน ... ประเสริฐ)

นี่ก็เช่นกัน หลังจากประกาศใช้ พรบ. คอม จุดประสงค์หลักบอกว่าเพื่อใช้ป้องกันและปราบปราม Hacker (เค้าคงหมายถึง Black Hat H4x0r แต่เรียกรวม ๆ ว่า Hacker ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์)

แต่ตั้งแต่ประกาศใช้มา มีจับคนเขียนบล๊อกไปสองคนข้อหาเขียนไม่โดนใจ แล้วเร็ว ๆ นี้ก็พึ่งจับนักศึกษาไปอีกคนข้อหาโพสคลิปโป๊ ... ประเสริฐ

ส่วนตัวของ ICT เองออกมาประกาศว่าจะไป Crack Down เว็บนอก ... เหอะ ๆ ... ประเสริฐ

ตำรวจบ้านเรานี่เก่งกันจัง แค่คลิปเดียวตามไปจับได้ถึงบ้าน แต่พันธ์ทิพย์ตั้งร้านขายกันเลยไม่จับ ... ประเสริฐ

ทำไมผมถึงบ่นนัก ก็เพราะผมไม่สบอารมณ์กับมาตรฐานการคิดแบบ"ไทยด้อย" อย่างนี้มานานแล้ว แล้วอีกอย่างในข่าวเรื่องคลิปโป๊ยังจบลงที่ว่า "ในการจับกุมผู้กระทำความผิดลักษณะนี้ มักจะจับกุมได้แต่ผู้ที่เผยแพร่ แต่ยังไม่เคยมีการขยายผลจับกุมเจ้าของเว็บไซต์เหล่านั้นได้แต่อย่างใด" ... ประเสริฐ

แล้วอยากจะบอกน้องที่เอาคลิปไปโพสว่า ไอ้ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(5), (1) หรือ (4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ที่โดนหนะ โทษหนักว่ากระทืบคนอีก กฎหมายบ้านเรา "มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ" แค่ระวังไม่ให้พิการก็พอแล้ว

ไม่ชอบใจระบบการคิดแบบนี้ที่เห็นบ่อย ๆ ในประเทศนี้

ตอนเลือกนายกก็ทีนึงแล้ว ไม่ชอบนายกฉลาด ฉลาดแล้วเด๋วมันโกงได้ ขี้เกียจตรวจสอบ
ขอโง่ ๆ เซื่อง ๆ ดีกว่า สบายใจดี มันไม่โกง ... บริหารฉิบหายก็ช่างมัน อย่างน้อยมันก็ไม่โกง ... ประเสริฐ

เราชอบที่จะปิดกั้น เราชอบที่จะเอาสบาย ... ประเสริฐ
เราไม่เลือกที่จะสอน เราเลือกที่จะทำโทษ ... ประเสริฐ
เราเลือกที่จะด่า แทนที่จะลงมือทำอะไร ... ประเสริฐ
(ผมเองก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน 555)
เราเลือกที่จะปฏิเสธคนที่ทำไม่ถูกใจเรา ตอบโต้ ถากถาง แทนที่จะคิดว่าเค้าทำอะไร ... ประเสริฐ
(จะว่าไปผมก็ด่า ICT อยู่ แต่ก็คิดมาก่อนแล้วนะ แต่ก็ยังด่าอยู่ดี)

จบ:
จริง ๆ เราก็เป็นอีกคนนึงในสังคมที่อยากเห็นสังคมเรามันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น (ในความหมายว่าก่อให้เกิดความสุขต่อบุคคลในสังคม อย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง แม้จะไม่เท่าเทียมแต่ก็ตามอัตภาพ) แทนที่จะเห็นการปิดกั้น แบบแปลก ๆ แบบนี้

... ประเสริฐ

ไม่มีความคิดเห็น: